สิ่งของทุกชิ้นล้วนมีอายุขัยในการใช้งาน (lifecycle) ของใหม่ๆ ล้วนมีประสิทธิภาพดีกว่าของเก่า เช่น รถยนต์ เมื่อถูกใช้งานมาเป็นเวลานานประสิทธิภาพก็จะลดลง ต้องมีการซ่อมบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อไม่ให้เครื่องสึกหรอหรือชำรุดระหว่างใช้งาน ส่งผลให้ต้นทุนในการบำรุงรักษาสูงมากขึ้น เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม (air compressor) ก็เช่นกัน และเมื่อเครื่องเกิดการชำรุดและไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้ นั่นแสดงว่าถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมเครื่องใหม่แล้วล่ะ การเปลี่ยนเครื่องใหม่อาจจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าการใช้เครื่องเก่าแต่ต้องเสียเงินค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซมอยู่บ่อยครั้ง ปัจจัยต่อไปนี้จะบอกคุณได้ว่าถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเปลี่ยนเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม:
- การ Shutdown ของเครื่อง
ปัญหาการ shutdown ระหว่างที่เครื่องกำลังทำงานอยู่ อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป (overheating) จนทำให้ตัวระบายความร้อน (cooler) ทำงานไม่ทันและอุดตัน วิธีแก้ไขคือ ต้องทำการเป่าลมเพื่อไล่สิ่งอุดตันออกจากตัวระบายความร้อน (cooler) หรือเปลี่ยนไส้กรองอากาศ (air filter) หากดำเนินการแก้ไขแล้วสามารถกลับมาใช้งานได้ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ หากยังเกิดอาการ shut down อยู่ ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคแล้วลองเปรียบเทียบดูว่าต้นทุนการเปลี่ยนอะไหล่ภายในกับต้นทุนการเปลี่ยนเครื่องใหม่ แบบใดคุ้มค่ากว่ากัน
- ปัญหาแรงดันตก (Pressure drops)
สำหรับผู้ใช้งานระบบอัดอากาศคงไม่มีใครอยากเผชิญกับปัญหาแรงดันตก (pressure drops) อย่างแน่นอน หากเจอปัญหาแรงดันตกแล้วล่ะก็คุณคงต้องรีบหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบต่อกระบวนการผลิตหรือการ shutdown สาเหตุเกิดจากการที่ผู้ใช้งานมักจะตั้งค่าระดับแรงดันไว้สูงกว่าระดับความต้องการใช้งาน ดังนั้นวิธีแก้ไขคือคุณต้องระดับแรงดันให้เหมาะสมกับการใช้งาน ขนาดของท่อที่ใช้ในระบบอัดอากาศก็ต้องมีความเหมาะสมกับความยาวของท่อและกำลังผลิต (capacity) ของเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม เพราะหากใช้ท่อที่มีขนาดเล็กเกินไปสำหรับการส่งลมระยะไกล จะทำให้มีปัญหาแรงดันตก (pressure drop) และส่งผลกระทบต่อเครื่องจักรที่นำลมอัดหรือลมที่ได้จากเครื่องอัดอากาศไปใช้งาน อีกกรณีหนึ่ง หากคุณตรวจเช็คตัวกรองและระบบท่อลมแล้วไม่พบปัญหาแต่อย่างใด แต่ยังคงมีปัญหาแรงดันตก (pressure drop) เกิดขึ้นอยู่ อาจเป็นเพราะว่าเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมของคุณมีขนาดเล็กเกินกว่าความต้องการปริมาณลมที่ใช้ในโรงงานของคุณ
- อายุการใช้งานของเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม และอาการพัง
เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมก็เหมือนกับเครื่องจักรชนิดอื่นๆ เมื่อเวลาผ่านไป เครื่องจะมีอายุการใช้งานมากขึ้นและเสื่อมสภาพลงจนกระทั่งหมดอายุการใช้งาน
ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการ shutdown หรือ ปัญหาแรงดันตก หากเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็อาจทำให้เครื่องชำรุดได้ง่ายขึ้น ทำให้คุณต้องจ่ายต้นทุนไปกับการซ่อมแซมที่มีมูลค่าแพงมากกว่าการซื้อเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมเครื่องใหม่ที่มีคุณภาพเสียอีก
เมื่อเวลานั้นมาถึง ให้คุณลองพิจารณาดูว่าการที่ต้องคอยซ่อมบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนอะไหล่เรื่อยๆ กับการลงทุนซื้อเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมเครื่องใหม่เลย แบบใดคุ้มค่าและควรลงทุนมากกว่ากัน
- ต้องการขยายกำลังการผลิต
หากธุรกิจของคุณกำลังเติบโต ส่งผลให้เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่คุณใช้งานอยู่ผลิตลมอัดได้ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องการเปลี่ยนจากเครื่องอัดอากาศแบบลูกสูบ (piston compressor) มาเป็นเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่มีกำลังผลิตมากขึ้น ตอบสนองการใช้งานของคุณ หรือต้องการเพิ่มอัตราไหลของลม (flow) รวมถึงกำลังมองหาเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่มีขนาดกะทัดรัด มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และเสียงเงียบ เราขอแนะนำเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมแบบโรตารี่สกรู (rotary screw compressor) จาก Atlas copco ซึ่งมีตั้งแต่ขนาด 2 kW ไปจนถึงขนาด 1,000 kW เลยทีเดียว หากสนใจสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ แอตลาส คอปโก้ ได้โดยตรงที่
Official Line@: atlascopcothailand
สำหรับบทความที่เรานำมาฝากในวันนี้นั้น หวังว่าผู้ใช้งานระบบอัดอากาศคงจะทราบแล้วว่าเมื่อใดที่ควรเปลี่ยนเครื่องอัดอากาศ ดังนั้นอย่าลืมสังเกตอาการเครื่องอัดอากาศและหมั่นซ่อมบำรุงรักษาเป็นประจำ หากต้องต้องบำรุงบ่อยๆ ก็ให้คุณลองเทียบดูว่าการที่ต้องคอยซ่อมบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนอะไหล่เรื่อยๆ กับการลงทุนซื้อเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมเครื่องใหม่เลย แบบใดคุ้มค่าและควรลงทุนมากกว่ากัน?